วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่ 3

วันจันทร์ที่  29  มกราคม พ.ศ. 2561
เวลา 11.30 - 14.30 น.

Knowledge (ความรู้)
  • ระดมความคิดทำ Mind Mapping หน่วยการเรียนรู้

หน่วย ของเล่นของใช้


หน่วย ยานพาหนะ


หน่วย แหล่งน้ำ


หน่วย ฝนจ๋า


หน่วย ผีเสื้อแสนสวย


หน่วย ตัวเรา

Apply(การประยุกต์ใช้)
  • สามารถนำเอาหลักการผังความคิดซึ่งเปรียบเสมือนเส้นใยสมองที่ แผ่ออกไปได้เรื่อยๆมาปรับใช้กับการเลือกเรียนหรือหน่อยการเรียนรู้และแตกรายละเอียดเพื่อเป็รนแนวทางแก่การเขียนแผนได้
Assessment(การประเมิน)
  • self : มีความตั้งใจทำงานร่วมกับเพื่อนได้ดี
  • friend :  มีความสามัคคีรับฟังควา่มคิดเห็นซึ่งกันและกัน
  • Teacher :  มีการอธิบายเพิ่มเติมและให้คำแนะนำเกี่ยวรูปแบบการทำแผนผังความคิด
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เด็กpng

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่ 2

วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561
เวลา 11.30 - 14.30 น.
Knowledge (ความรู้)
  • นำเสนองาน
กลุ่มที่ 1 เรื่องพัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย
  • มาตรฐานที่พึงประสงค์ 12 มาตรฐาน
  • มาตรฐานที 1 ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี
  • มาตรฐานที่ 2 กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วประสานสัมพันธ์กัน
  • มาตรฐานที่ 3 มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข
  • มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว
  • มาตรฐานที่ 5 มีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจที่ดีงาม
  • มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  • มาตรฐานที่ 7 รักธมมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรมและความเป็นไทย
  • มาตรฐานที่ 8 อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
  • มาตรฐานที่ 9 ใช้ภาษาสื่อสารเหมาะสมกับวัย
  • มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้
  • มาตรฐานที่ 11 มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
  • มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้เหมาะสมกับวัย
กลุ่มที่ 2 เรื่องความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
  • กิจกรรมการเล่นเสรี 
       มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความสนใจในการอ่านและการเขียน เพราะเด็กมีโอกาสตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะเลือกทำกิจกรรมในมุมใด ในแต่ละมุมจะมีวัสดุอุปกรณ์ที่ส่งเสริมภาษา เช่น
มุมบ้าน - ครูอาจเขียนตัวหนังสือบนสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน
มุมบล็อก - หาสิ่งของที่มีตัวหนังสือมาประกอบการเล่นบล็อกและสร้างเรื่องราว
มุมวิทยาศาสตร์ - ครูอาจเขียนบัตรคำบอกชื่อสิ่งต่างๆไว้
มุมห้องสมุด - จัดให้มีบรรยากาศสบายๆ มีมุมเขียนอยู่ใกล้ๆ
มุมคณิตศาสตร์ - จัดให้มีตัวเลข ตัวหนังสือที่ของเล่น เป็นต้น
  • ความต้องการของเด็กปฐมวัย ทั้ง 4 ด้าน
1.ด้านร่างกาย
-การกระโดดโลดเต้น เคลื่อนไหวร่างกาย 
-การพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ ประมาณ 10 – 12 ชั่ว โมง
-การช่วยเหลือตนเอง เช่น การรับประทานอาหาร การใส่รองเท้า 

2.ด้านอารมณ์
-ต้องการความรักและความใกล้ชิดผูกพัน ธ์
-ต้องการที่จะระบายอารมณ์อย่างอิสระและเปิดเผย

3.ด้านสังคม
-ต้องการเล่น การแสดงออกในสิ่งต่างๆให้เป็นที่ยอมรับ
-การเล่นแบบคู่ขนาน
-การมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครู

4.ด้านสติปัญญา
-ต้องการใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการคิดแก้ปัญหา หรือสร้างจินตนาการ และการเล่นสมมติต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการตามธรรมชาติ 

กลุ่มที่ 3 เรื่อง การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
  • ทฤษฎีของเพียเจต์ แบ่งออกเป็น 4 ขั้น
1.ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensori-Motor Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี พฤติกรรมของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่ เช่น การไขว่คว้า การเคลื่อนไหว การมอง การดู ในวัยนี้เด็กแสดงออกทางด้านร่างกายให้เห็นว่ามีสติปัญญาด้วยการกระทำ

2.ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 2-7 ปี แบ่งออกเป็นขั้นย่อยอีก 2 ขั้น คือ 
     1.ขั้นก่อนเกิดสังเกต (Preconceptual Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน แต่เหตุผลของเด็กวัยนี้ยังมีขอบเขตจำกัดอยู่ เพราะเด็กยังคงยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
     2.ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของวัตถุ เข้าใจความหมายของจำนวนเลข เริ่มมีพัฒนาการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ แต่ไม่แจ่มชัดนัก 

3.ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage) ขั้นนี้จะเริ่มจากอายุ 7-11 ปี พัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้ เด็กวัยนี้สามารถที่จะเข้าใจเหตุผล รู้จักการแก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ สามารถที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความคงตัวของสิ่งต่างๆ โดยที่เด็กเข้าใจว่าของแข็งหรือของเหลวจำนวนหนึ่งแม้ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างไปก็ยังมีน้ำหนัก หรือปริมาตรเท่าเดิม สามารถที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนย่อย ส่วนรวม ลักษณะเด่นของเด็กวัยนี้คือ ความสามารถในการคิดย้อนกลับ

4.ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage) นี้จะเริ่มจากอายุ 11-15 ปี ในขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้เป็นขั้นสุดยอด คือเด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบเด็กจะสิ้นสุดลง เด็กจะสามารถที่จะคิดหาเหตุผลนอกเหนือไปจากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถที่จะคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ สามารถที่จะตั้งสมมุติฐานและทฤษฎี และเห็นว่าความเป็นจริงที่เห็นด้วยการรับรู้ที่สำคัญเท่ากับความคิดกับสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ 
  • ทฤษฎีของบรูเนอร์ แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาได้เป็น 3 ขั้นใหญ่ ๆ คือ

  1. ขั้นการเรียนรู้จากการกระทำ (Enactive Stage) คือ ขั้นของการเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งต่าง ๆ การลงมือกระทำช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ดี การเรียนรู้เกิดจากการกระทำ
  2. ขั้นการเรียนรู้จากความคิด (Iconic Stage) เป็นขั้นที่เด็กสามารถสร้างมโนภาพในใจได้ และสามารถเรียนรู้จากภาพแทนของจริงได้
  3. ขั้นการเรียนรู้สัญลักษณ์และนามธรรม (Symbolic Stage) เป็นขั้นการเรียนรู้สิ่งที่ซับซ้อนและเป็นนามธรรมได้
  • ทฤษฎีวีกอสกี แบ่งระดับเชาว์ปัญญา เป็น 2 ขั้น
        1.  เชาว์ปัญญาขั้นเบื้องต้น คือเชาว์ปัญญามูลฐานตามธรรมชาติโดยไม่ต้องเรียนรู้
        2.  เชาว์ปัญญาขั้นสูง คือเชาว์ปัญญาที่เกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ที่ให้การอบรม เลี้ยงดู ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้โดยใช้ภาษา วีก็อตสกี้ ได้แบ่งพัฒนาการทางภาษาเป็น 3 ขั้น  คือ
            2.1 ภาษาที่ใช้ในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เรียกว่า ภาษาสังคม (social speech) เป็นภาษาที่เด็กใช้ ในการติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น  ในช่วงอายุ  0 - 3 ปี เพื่อสื่อสารความคิดความรู้สึกต่างๆที่ตนนั้นกำลังนึกคิด และต้องการที่จะแสดง ความต้องการอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองกับผู้อื่น
            2.2 ภาษาที่พูดกับตนเอง 3 – 7 ขวบ (egocentric  speech)  เป็นภาษาที่เด็กใช้พูดกับตนเองในช่วงอายุ  3 -7 ปี  โดยไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น  เพื่อช่วยในการคิด  ตัดสินใจแสดงพฤติกรรม
            2.3 ภาษาที่พูดในใจเฉพาะตน 7 ขวบขึ้นไป (inner  speech) วีก๊อทสกี้อธิบายว่า มนุษย์ต้องใช้ภาษาในการคิด  เด็กจะต้องพัฒนาภาษาในใจ  ซึ่งเป็นการช่วยให้พัฒนาการทางสติปัญญาพัฒนาสูงขึ้นตามระดับอายุ  การพัฒนาภาษาภายในตนเองเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 7 ปี เมื่อเด็กพบปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้น  เขาเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาไปตามขั้นตอนโดยใช้ภาษาภายในตนเอง  ในขณะที่เด็กเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตนเองนั้น  เขาอาจพบบางปัญหาที่เขาคิดเองไม่ออก แต่หากได้รับคำแนะนำช่วยเหลือบางส่วนจากผู้ใหญ่  หรือได้รับความร่วมมือจากกลุ่มเพื่อนเขาจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้สำเร็จวีก๊อตสกี้เรียกระดับความสามารถนี้ว่าจุดที่เด็กสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จหากได้รับความช่วยเหลือสนับสนุน

กลุ่มที่ 4 การสอนแบบโครงการ (Project Approach)
  • การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้
Apply(การประยุกต์ใช้)
  • สามารถนำความรู้ที่มาปรับปรุงใช้กับแผนการจัดประสบการ์ให้ะเหมาะสมกับอายุและความต้องการของเด็กปฐมวัยตามกรอบมาตรฐานและหลักสูตรการศึกษา
Assessment(การประเมิน)
  • self : มีการจดบันทึกมาตรงต่อเวลา
  • friend :  ให้ความร่วมมือดี
  • Teacher :  มีการอธิบายเสริมเข้าใจ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เด็กpng

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่ 1

วันจันทร์ที่  15  มกราคม พ.ศ. 2561
เวลา 11.30 - 14.30 น.
Knowledge (ความรู้)
  • แนะนำรายวิชา
  • แนะนำการปฏิบัติตัวในโรงเรียนและพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาระหว่างการสังเกตการสอน
  • แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน นำเสนองานตามหัวข้อที่กำหนดให้
  • ชี้แจงการทำ blogger
รูปแบบการจัดการเรียนการสอน

การสอน 6 กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย
1.กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (Motor and Rhythmic Activities)
2.กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (Experience-Enhancement Activities)
3.กิจกรรมสร้างสรรค์ (Creative Activities)
4.กิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Activities)
5.กิจกรรมเกมส์การศึกษา (Educational Games)
6.กิจกรรมเสรี (Unstructured Activities)

การสอนแบบโครงการ (Project Approach)
     การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

การสอนภาษาแบบธรรมชาติ (Whole Language Approach)
      การสอนภาษาแบบธรรมชาติ หมายถึง การที่เด็กได้เรียนรู้การใช้ภาษาทั้งด้านการฟัง พูด อ่าน เขียนไปตามธรรมชาติ อย่างมีความหมาย สอดคล้องเหมาะสมกับวัย โดยไม่แยกว่าต้องอ่านก่อน หรือเขียนก่อน แต่จะเน้นให้เด็กได้ลงมือทำด้วยตนเอง เช่น อ่านนิทาน เล่าเรื่องราว ฟังนิทานที่ครูหรือเพื่อนเล่า เขียนคำที่ตนสนใจจากเรื่องที่ได้อ่านหรือได้ฟัง เป็นต้น
การสอนแบบ High Scope
     หลักการที่สําคัญของไฮสโคปในระดับปฐมวัย คือ การเรียนรู้แบบลงมือกระทํา ซึ่งถือว่าเป็น พื้นฐานสําคัญ ในการพัฒนาเด็ก การเรียนรู้แบบลงมือกระทําจะเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมาก ที่สุดในโปรแกรมที่พัฒนาเด็กอย่าง เหมาะสมกับพัฒนาการ การเรียนรู้แบบลง มือกระทํา หมายถึง การเรียนรู้ซึ่งเด็กได้จัดกระทํากับวัตถุ ได้มีปฏิสัมพันธ ์กับบุคคล ความคิดและเหตุการณ์ จนกระทั่ง สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง

ซึ่งมีขั้นตอนทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือ (PDR)
1. การวางแผน (Plan) ให้เด็กได้ตัดสินใจ
2. การปฏิบัติ (Do) ให้เด็กได้ทำตามแผนที่วางไว้
3. การทบทวน (Review)ให้เด็กได้สะท้อนผลงานที่ปฏิบัติ

การสอนแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)
     เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่างๆ โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อม และได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ

การสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Method)
     เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อม โดยครูคำนึง ถึงความสนใจ ความต้องการและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ของเด็กและยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคลด้วย

กิจกรรมคำคล้องจองภาษาอังกฤษ
One        หนึ่ง               ผึ้ง            Bee
Tea        น้ำชา              ม้า            House
กอด        Hug               รัก            Love
Verb      กริยา               ปลา          Fish
คิด         Think             Pink         ชมพู
งู           Snake              Leg          ขา
หมา       Dog                Frog         กบ
จบ         Finish             ครู           Teacher
เจอ        Meet               Beef        เนื้อ
เสือ       Tiger                Leader    ผู้นำ
Infinity  ไม่มีที่สิ้นสุด    Foot       เท้า
ข้าว        Rice                 Night     กลางวัน
ตื่น         Wake up

Apply(การประยุกต์ใช้)
  • สามารถนำคำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนไปใช้ได้และสามารถนำปัญหาที่เกิดหลังจากไปสังเกตการสอนมาปรับปรุงให้ดีขึ้น  และสามารถนำการเล่นคำคล้องจองภาษาอังกฤษมาฝึกท่องให้จำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
Assessment(การประเมิน)
  • self : มีการจดบันทึกและสามารถตอบคำถามได้
  • friends : มีความตั้งใจและร่วมกิจกรรมได้เป็นอย่างดี
  • Teacher : มีกิจกรรมใหม่ๆมาให้เล่นทำให้เกิดความสนุกสนานไม่น่าเบื่อ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เด็กpng

บันทึกการเรียนรู้ ครั้งที่ 17 วันอังคารที่  1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561เวลา 11.30 - 14.30 น. (ชดเชยของวันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2561 เวลา 11.30...